25 เมษายน 2551

คนเราต้องอดทน

คนเรามันต้องอดทนกับปัญหามากมาย
คนตาบอดทนต่อการเดินชน เป็นความหงุดหงิดเล็กๆ
ส่วนฉันฟังไม่รู้เรื่องเป็นความหงุดหงิดเล็กๆ
มันก็สะสมเป็นความเครียดเล็กๆ
ใครอดทนและเดินหน้าต่อไปได้มากกว่ากัน

pkm

02 เมษายน 2551

Deaf and Hard of hearing.

ข้อมูลจาก


โลกของผมสวยงามเหมือนคนทั่วไป ผมไม่ท้อ ถึงแม้จะพิการ…

สวัสดีครับ วันนี้ผม มีเพื่อนที่น่ารัก 2 คนมาแนะนำให้รู้จักกัน ถ้าเพื่อนๆ ได้ทำความรู้จักกับเพื่อนของผมแล้วล่ะก็ จะรู้ได้ทันทีเลยว่าเขาน่ารักแค่ไหน

แต่ก่อนที่จะไปพบกับเพื่อนของผมทั้ง 2 คน ผมจะขออธิบายคำที่เกี่ยวข้องกับพวกเขาให้เข้าใจกันก่อนนะครับ คำนั้นคือคำว่า “คนพิการทางการได้ยิน” และ “บุคคลที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน” ทั้ง 2 คำนี้นะครับ หมายถึงคนที่สูญเสียความสามารถในการได้ยิน ทำให้ไม่สามารถได้ยินเสียงต่างๆ หรือได้ยินไม่ชัดเจน ซึ่งแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือคนหูหนวกและคนหูตึงครับ

เพื่อนของผมทั้ง 2 คนก็อยู่ใน 2 ประเภทนี้ล่ะ แต่ว่าเขาจะมีลักษณะอย่างไร ผมว่าให้พวกเขาอธิบายเอง น่าจะดีที่สุดนะครับ ไปพบกับพวกเขากันเลยครับ

โลกของคนหูหนวก


สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักกับเพื่อนๆ ทุกคน ผมเป็นคนหูหนวกครับ ผมชื่อ เดฟ นี่คือชื่อภาษามือของผม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนตัวผมครับ คนหูหนวกทุกคนก็มีชื่อภาษามือของตัวเองกันทั้งนั้นโดยชื่อภาษามือนี้จะตั้งขึ้นมาตาม ลักษณะเด่นของเจ้าของชื่อนั่นล่ะครับ ส่วนใหญ่เพื่อนหรือครูจะตั้งชื่อให้ ผมไม่ได้ยินเสียง จึงพูดไม่ได้ เรียกผมว่าคนหูหนวกก็ได้ครับ แต่อย่าเรียกว่า “ใบ้” หรือ “ไอ้ใบ้” นะ เพราะมันเป็นคำที่มีความหมายในเชิงดูถูกฉัน

ถ้าจะเรียกผม ก็อย่าตะโกนเรียกนะครับ เพราะผมไม่ได้ยินให้เรียกผมด้วยชื่อภาษามือของผมนะครับ แต่ถ้าเรียกแล้วผมไม่เห็น ก็ให้เข้ามาแตะแขนผมเบาๆ หรือเดินเข้ามาอยู่ในรัศมีสายตาของผมเพื่อให้ผมมองเห็น ถ้าเราอยู่ไกลกัน เพื่อนๆ อาจจะเรียกผมด้วยการโบกไม้โบกมือให้ผมเห็นก็ได้นะครับ
หูของผมไม่ได้ยิน ผมจึงต้องใช้ตาดูแทนหูฟัง เพื่อรับรู้ข้อมูลต่างๆ และสื่อสารด้วยภาษามือซึ่งเป็นภาษาแรกของผมแทนปากพูด แต่ถ้าเพื่อนๆ ใช้ภาษามือไม่ได้ เราก็เขียนภาษาไทยคุยกันก็ได้ ไม่ต้องห่วงเพราะผมมักจะพกกระดาษและปากกาติดตัวไว้เสมอ เวลาเขียนคุยกันช่วยเขียนคำสั้นๆ ง่ายๆ นะครับ เพราะภาษาไทยนั้นเป็นภาษาที่ 2 ของผม ซึ่งผมมักจะเขียนภาษาไทยตามไวยากรณ์ภาษามือ คำที่ใช้จะเป็นคำสั้นๆ ง่ายๆ และวางสลับที่กัน ถ้าเพื่อนจะเขียนคุยกับผม ช่วยเขียนเป็นภาษาพูดนะครับ เพราะจะทำให้ผมเข้าใจได้มากกว่าการเขียนประโยคยาวๆ

หรือบางที ก็จะมีคนที่สามารถใช้ภาษามือได้ มาช่วยเป็นสื่อกลางในการสื่อสารให้กับเรา คนๆ นั้น เราเรียกว่า “ล่ามภาษามือ” ครับ ซึ่งการมีล่ามภาษามือช่วยในการสื่อสาร จะทำให้เราเข้าใจกันได้มากขึ้น และล่ามภาษามือนี้ ก็มีส่วนสำคัญอย่างมากในการช่วยให้ผมรับรู้ข้อมูลข่าวสารต่างๆ แต่ผมก็อยากให้เพื่อนๆ เรียนรู้ภาษามือด้วยนะครับ เพราะทำให้เราคุยกันได้โดยตรง ไม่แต่นะครับ ถ้าเพื่อนๆ ใช้ภาษามือได้ดีมากขึ้น ก็อาจจะช่วยเป็นล่ามภาษามือให้แก่คนหูหนวกคนอื่นๆ ได้อีกด้วย
อ้อ... เวลาคุยกัน ผมก็จะมองหน้าคนที่ผมคุยด้วยตลอดเวลาเพื่อที่จะได้เห็นสีหน้าและเข้าใจอารมณ์ของคู่สนทนาได้อย่างชัดเจน ถ้าเพื่อนๆ คุยกับผม โปรดอย่าหันหลังให้กับแสงสว่างนะครับ เพราะผมจะมองเห็นหน้าไม่ชัด และผมก็จะแสบตาด้วย เพราะแสงที่ส่องเข้าตาผมนั่นเอง และการที่ผมต้องใช้ตาดูเพื่อรับรู้ข้อมูลนี้เอง ทำให้ผมไม่สามารถจะจดบันทึกข้อมูลต่างๆ ได้ด้วยตนเอง เพราะถ้าผมก้มหน้าลงจกบันทึกผมก็จะพลาดการรับรู้ข้อมูลในช่วยนั้นไป จึงจำเป็นที่ควรจะมีใครสักคนช่วยจดบันทึกให้ผม จะเป็นสิ่งที่ดีมากเลยนะครับ ถ้าเพื่อนๆ จะช่วยจดบันทึกสรุปเนื้อหาให้ผม

นอกจากนี้นะครับ ผมยังต้องการเวลาสักครู่ในการทำความเข้าใจข้อมูลต่างๆ ที่ได้รับรู้ ดังนั้น ถ้าเพื่อนๆ ตั้งคำถามกับผม โปรดให้เวลาผมในการตัดสินใจบ้างพอสมควรนะครับ อ้อ... แล้วการใช้สายตาดูภาษามือนานๆ ก็จะทำให้สายตาของผมล้าได้ ผมจึงจำเป็นต้องมีเวลาพักสายตาเพื่อผ่อนคลายความล้าสักครู่เพื่อให้ผมสามารถรับรู้ข้อมูลต่อไปได้

อย่างที่ผมบอกไปแล้วว่าผมไม่ได้ยินเสียง จึงต้องใช้ตาดูเพื่อรับรู้ข้อมูลต่างๆ ผมจึงมักเป็นคนช่างสังเกต และมองสิ่งต่างๆ เป็นภาพ ผมจะจำเรื่องราวต่างๆ เป็นลำดับขั้นตอน เพราะจะช่วยทำให้ผมเชื่อมโยงความคิดได้มากกว่าการเล่าข้ามขั้นตอน หรือสลับจากเรื่องโน้นไปเรื่องนี้ ถ้าเพื่อนๆ จะเล่าเรื่องอะไรแก่ผม โปรดจัดลำดับเนื้อหาด้วยนะครับ เพื่อให้ผมสามารถสร้างภาพในความคิดและเชื่อมโยงเรื่องราวนั้นๆ ได้อย่างถูกต้อง

อ้อ... ถ้าเพื่อนๆ ทราบข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์ ก็ช่วยบอกผมบ้างนะครับ ผมจะได้ไม่ตกข่าว อีกอย่างนะครับเวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน หรือมีการเตือนภัย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสัญญาณเสียงนั้น เพื่อนๆ ช่วยบอกผมด้วย
เอาล่ะ ข้อมูลอย่างนี้ก็คงทำให้เพื่อนๆ ได้รู้จักผมมากขึ้นแล้วนะครับเป็นอย่างไรบ้างครับ นายเดฟของเราน่ารัก และน่าสนใจมากเลยใช่ไหมคราวนี้ เรามาทำความรู้จักกับเพื่อนของผมอีกคนหนึ่งดีกว่า รับรองว่าน่ารักไม่แพ้กันเลยล่ะครับ

โลกของคนหูตึง

สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักกับเพื่อนๆ ทุกคนครับ ผมเป็นคนหูตึงครับ ผมชื่อ ฮาร์ด นี่คือชื่อภาษามือของผมผมพอจะได้ยินเสียงอยู่บ้าง แต่ก็ได้ยินไม่ชัดเจนเท่าไร จึงต้องใส่เครื่องช่วยฟังเพื่อช่วยให้ได้ยินเสียงมากขึ้น อ้อ... ถ้าจะเรียกผม อาจจะต้องใช้เสียงเรียกที่ดังกว่าปกตินะครับ แต่ไม่ต้องตะโกน ผมพูดได้นะครับ แต่ก็ไม่ค่อยชัดหรอก เวลาอยู่ในกลุ่มเพื่อหูตึงด้วยกันผมก็จะพูดไปพร้อมกับทำภาษามือที่เราคิดกันเองภายในกลุ่มส่วนใหญ่จะเป็นท่าทางธรรมชาติครับ

เวลาคุยกับคนอื่นๆ ผมก็จะใช้วิธีการอ่านปากของคนที่ผมคุยด้วยโดยจะดูสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ประกอบไปกับการฟังเสียงพูดของเขา ซึ่งจะช่วยให้ผมเข้าใจเสียงพูดที่ได้ยินผ่านเครื่องช่วยฟังได้ดีขึ้นครับ ถ้าเพื่อนๆ จะพูดคุยกับผมล่ะก็ ช่วยพูดช้าๆนะครับผมจะได้เข้าใจ แต่ไม่ต้องตะโกนนะครับ (ขอย้ำ) ในเวลาเรียน บางครั้งผมก็อาจจะต้องขอยืมสมุดจดงานของเพื่อนๆ ด้วย เพราะการที่ผมต้องอ่านปากคนที่กำลังพูดอยู่กับผมนั้น บางครั้งก็ทำให้ผมไม่สามารถจดบันทึกได้ครับ เอาล่ะ เราทำความรู้จักกันแค่นี้ก่อน ถ้าอยากรู้อะไรเกี่ยวกับตัวผมมากขึ้นก็ลองเข้ามาทักทายกันนะครับ เราจะได้รู้จักกันดียิ่งขึ้นครับ

เป็นยังไงบ้างครับ ได้รู้จักกับเพื่อน ที่ชื่อ เดฟ และ ฮาร์ด ไปแล้ว คงจะเข้าใจคนหูหนวกและคนหูตึงมากขึ้นและนะครับ ถ้าได้พบกับคนหูหนวกหรือหูตึงก็ตาม ผมก็หวังว่าเพื่อนๆ จะมีความเข้าใจ รู้ว่าควรจะทำอย่างไร และมีความมั่นใจในการเป็นอาสาสมัคร เป็นเพื่อนที่คอยช่วยเหลือดูแลเพื่อนเหล่านั้นได้นะครับ เอาล่ะครับ วันนี้ผมคงต้องไปก่อนนะ และพบกันใหม่คร้าบ....

เรื่องเล่า สู่กันฟัง


คนหูหนวกที่พูดไม่ได้ เพราะเขาไม่รู้เสียงที่ชัดเจนเป็นอย่างไร จึงออกเสียงอ้อแอ้ แต่อย่าได้เรียกพวกเขาเป็นคนใบ้เลย มันเหมือนไม่ให้เกียรติคนหูหนวก เพราะฟังดูคล้ายกับ "บ้าใบ้" เหมือนกับคำว่า"พิการ" ไม่อยากให้เรียก เพราะใกล้เคียงกับคำว่า" พิกลพิการ" คือเป็นคนแปลกประหลาด

คนหูหนวก ในภาษาอังกฤษระบบอเมริกัน เขาจะใช้ Deaf ดีตัวใหญ่ จะไม่ใช้ The deaf เพราะคนหูหนวกนั้นไม่ต้องการให้ชี้เฉพาะเจาะจงมากนัก ไปชี้เฉพาะคนอื่นแทน

เรียนภาษามือง่ายนิดเดียว ข้อแนะนำในการเรียนภาษามือ

1. ทำมือให้สวย เหมือนนางรำ

2. ทำมือช้าๆ พอเก่งเดี๋ยวก็เร็วเอง

3. ใช้ตามากๆ ใช้การสังเกต

4. อ้อ ปล. ก่อนเรียน อุดหูสองข้างด้วย

pkm