25 กุมภาพันธ์ 2553

"กัญจนา" เปิดสมาคมสมาพันธ์เครือข่ายเด็ก และสตรีหูหนวกไทย



เมื่อวันที่๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๒ เวลา ๑๐.๓๐ น. นางสาวกัญจนา ศิลปอาชา ประธานมูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย ได้ไปเป็นประธานในพิธีเปิด"สมาคมสมาพันธ์เครือข่ายเด็กและสตรีหูหนวกไทย" ซึ่งตั้งอยู่ที่ ๙๘/๖ หมู่บ้านกลางเมือง ซอยอ่อนนุช ๑๗ แยก๑๖ ถนนสุขุมวิท ๗๗ เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ ๑๐๒๕๐

นางพนมวรรณ บุญเต็ม นายกสมาคมฯ กล่าวรายงานว่า “สมาคมสมาพันธ์เครือข่ายเด็กและสตรีหูหนวกไทย เป็นสมาคมใหม่ที่เกิดจากการรวมตัวของสตรีหูหนวกไทย และผู้สนใจสนับสนุนการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กและสตรีหูหนวกไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความสามัคคีและเป็นศูนย์กลางแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารของสมาชิก เป็นองค์กรในการผลักดันและพิทักษ์สิทธิของเด็กและสตรีหูหนวกในด้านต่างๆ เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับคนหูหนวกโดยเฉพาะเด็กและสตรีหูหนวก เพื่อให้เกิดความเข้าใจและทัศนคติที่ถูกต้อง ส่งเสริมการฟื้นฟูสมรรถภาพของเด็กและสตรีหูหนวกตามแนวความคิดเห็นพื้นฐาน ให้สามารถช่วยตนเองได้ และมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างอิสระ ส่งเสริมและสนับสนุนให้สตรีหูหนวกได้ทำประโยชน์ต่อสังคม เผยแพร่เกียรติคุณของสตรีหูหนวก สนับสนุนและส่งเสริมให้มีการจัดตั้งองค์กรช่วยเหลือตนเองของสตรีหูหนวกในระดับท้องถิ่นและระดับจังหวัด ส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างชายหญิงโดยการไม่เลือกปฏิบัติ และสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับองค์กรคนพิการทั่วโลก โดยไม่หวังผลกำไรและไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ดังนั้น เพื่อให้สมาคมสมาพันธ์เครือข่ายเด็ก และสตรีหูหนวกไทย สามารถดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ คณะกรรมการสมาคมฯ จึงได้จัดตั้งสำนักงานดำเนินการของสมาคมฯ โดยได้รับการสนับสนุนอาคารและงบประมาณดำเนินงานจากคุณพนมวรรณ บุญเต็ม และครอบครัว“

“ การที่คุณพนมวรรณได้ริเริ่มก่อตั้งสมาคมสมาพันธ์เครือข่ายเด็ก และสตรีหูหนวกไทย แสดงให้เห็นว่า คุณพนมวรรณ มีวิสัยทัศน์ที่ดีและทันสมัย เห็นความสำคัญของการเอาใจใส่ ดูแล และเสริมสร้างความเข้มแข็ง ให้เด็กและสตรีหูหนวกไทยสามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุข มีศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ และสิทธิเสมอภาคกับคนทั่วไป ซึ่งเป็นกระแสสากลที่มีการดำเนินการกันทั่วโลก ดิฉัน หวังว่า ท่านที่มาร่วมงานทุกคน รวมทั้งคนที่ทำงานด้านคนพิการทั้งภาครัฐและเอกชน ตลอดจนคนหูหนวกทั้งผู้ชายและผู้หญิงจะช่วยกันสนับสนุนสมาคมสมาพันธ์เครือข่ายเด็กและสตรีหูหนวกไทย ให้สามารถดำเนินงานบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่กำหนดไว้” นางสาวกัญจนา กล่าวในพิธีเปิดสมาคมฯ พร้อมกันนี้ได้มอบเงินสนับสนุนการดำเนินงานสมาคมสมาพันธ์ฯ จำนวน ๕,๐๐๐ บาท ( มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย ๑๔ ส.ค. ๒๕๕๒ )

ความคิดเห็นที่ 1

ยินดี ดีใจด้วยครับ ผมเพิ่งอ่านเจอ จึงนำมาเล่าให้เพื่อนฟัง

Hunuak

22 กุมภาพันธ์ 2553

ฟุตซอลหูหนวก อินเตอร์แชมเปี้ยนชิพ



สมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทยฯ จับมือ บริษัท บางกออกกล๊าส จำกัด เตรียมจัดการแข่งขันฟุตซอลคนหูหนวกรายการ "ฟุตซอลอินเตอร์แชมเปี้ยนชิพ 2010" ระหว่างวันที่ 25 มกราคม ถึง 2 กุมภาพันธ์ ศกนี้ ณ อาคารจันทรยิ่งยง สนามกีฬาแห่งชาติ ปทุมวัน


โดยจะมีทีมเข้าร่วมการแข่งขัน 4 ทีมได้แก่ จีน คูเวต จอร์แดน และไทย การแข่งขันครั้งนี้ใช้ระบบพบกันหมด เหย้าและเยือน ทีมที่มีคะแนนสูงสุดจะเป็นผู้ชนะเลิศ โดยจุดประสงค์ของการจัดแข่งขันครั้งนี้ก็เพื่อเป็นการเตรียมทีมฟุตซอลคนหูหนวกทีมชาติไทยก่อนไปเข้าร่วมการแข่งขันฟุตซอลเอเชี่ยนแปซิฟิก ที่ประเทศสิงคโปร์ เพื่อคัดเลือกเป็นตัวแทนทวีปเอเชียไปเข้าร่วมการแข่งขันฟุตซอลคนหูหนวกชิงแชมป์โลกที่ประเทศสวีเดน ปี 2555

Tuesday, 19 January 2010
http://www.sportpost.net/sp/home/49-futsal/3816-futsal.html

ความคิดเห็นที่ 1

พี่จะช่วยเป็นล่ามภาษามือไทยในประเทศสวีเดนด้วย
พี่อ้อม สวีเดน กล่าว

18 กุมภาพันธ์ 2553

งานผู้เขียน

ผู้เขียนได้เข้าไปทำงานที่ APCD นานเกือบสองเดือนแล้ว ขอเชิญคลิกชมเว็บไซต์ที่ทำงานด้วยครับ

http://www.apcdfoundation.org/?q=background


ขอบคุณครับ

โอละพ่อ นสพ.แอฟริกาใต้ตีข่าวคนถูกล็อตเตอรี่ผิดตัว ทำชายหูหนวกชีวิตวุ่นวาย


สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานข่าววุ่น ๆ ในประเทศแอฟริกาใต้ เมื่อหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นตีข่าวว่านายสแตนลีย์ ฟิแลนเดอร์ ชายหูหนวกวัย ๕๒ ปี ซึ่งเป็นพนักงานทำความสะอาดในร้านขายเครื่องมือโลหะแห่งหนึ่ง ในกรุงเคปทาวน์ เป็นผู้ถูกล็อตเตอรี่รางวัลแจ๊คพ็อตมูลค่า ๑๒ ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ ๓๙๖ ล้านบาท แต่ในเวลาต่อมา สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลของแอฟริกาใต้กลับแถลงว่า ผู้ชนะรางวัลแจ๊คพ็อตดังกล่าวที่แท้จริงคือสตรีวัย ๔๓ ปี ผู้ไม่เปิดเผยชื่อรายหนึ่ง ไม่ใช่นายฟิแลนเดอร์ตามข่าว

"ฟิแลนเดอร์ซื้อล็อตเตอรี่หมายเลขเดียวกับเลขที่ถูกรางวัล เราอธิบายไม่ได้ว่าทำไมจึงมีเหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม หมายเลขล็อตเตอรี่ที่ฟิแลนเดอร์ซื้อไม่ได้มาจากกองสลากอย่างแน่นอน" โฆษกของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลของแอฟริกาใต้ กล่าว อย่างไรก็ตาม การเผยแพร่ข่าวเรื่องการถูกล็อตเตอรี่ของนายฟิแลนเดอร์โดยหนังสือพิมพ์ ได้ส่งผลให้เขาและภรรยาซึ่งหูหนวกเช่นกัน พร้อมด้วยลูก ๆ อีก ๒ คน ต้องหลบไปพักอาศัยอยู่ในสถานที่ปลอดภัยแห่งหนึ่ง เนื่องจากมีญาติมิตรจำนวนมากมายพากันมารุมล้อมขอเงินจากพนักงานทำความสะอาดที่หูหนวกรายนี้ หลังจากได้ทราบข่าวดังกล่าว (มติชนออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย ๑๗ ก.พ. ๒๕๕๓ )

17 กุมภาพันธ์ 2553

สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนหูหนวก


เครื่องรับสัญญาณด้วยระบบสั่น เป็นเครื่องไว้สำหรับติดตัว สามารถรับสัญญาณต่างๆ แปรเป็นระบบสั่นได้ จากทุกกรณี เช่น นาฬิกา รับเสียงเด็กทารกร้องเป็นระบบสั่น โทรศัพท์ กริ่งหน้าบ้าน ซึ่งทำงานแบบไร้สายอีกด้วย ผู้เขียนเคยเห็นที่อเมริกา ในร้านกึ่งผับ จะมีบริการเสิร์ฟเบียร์ เสิร์ฟอาหาร มีโต๊ะสนุ๊กเกอร์ ตู้เกมส์ต่างๆ เวลาลูกค้ามาสั่งอาหาร ซึ่งต้องรอนาน เพราะมีลูกค้าจำนวนมาก จึงใช้เครื่องเรียกระบบสั่น เข้าไปรับอาหารเองที่เคาน์เตอร์ คือ ร้านนี้ไม่มีพนักงานคอยเสิร์ฟให้ ซึ่งอำนวยความสะดวกดีจริงๆ ไม่ต้องตะโกนเรียกให้ลูกค้ามารับอาหาร อย่างที่เห็นในเมืองไทย ยังมีอยู่เลย (งานบริการที่ไม่มีพนักงานเสิร์ฟนะ เคยเห็นร้านในเมืองไทยไหม ผู้เขียนเคยเห็นมาแล้ว)


สิ่งอำนวยความสะดวกนี้ก็เป็นเรื่องของความปลอดภัย สำหรับเตือนเวลาไฟไหม้ สามารถเตือนในรูปแบบระบบสั่นได้ หรือ ใช้ไฟแฟลต ก็ได้ เมื่อเร็วนี้ ประเทศญี่ปุ่นได้วิจัยและพัฒนาโดยใช้กลิ่นวาซาบิ เวลาเกิดเพลิงไหม้ มันจะส่งกลิ่นแรงแสบจมูก ก็ไม่เลวเหมือนกันนะ ผู้เขียนจะลองใช้ดูบ้าง สามารถเลือกใช้ให้เหมาะสมตามผู้ใช้ด้วย เพราะมีเพื่อนหูหนวกคนหนึ่ง เป็นคนชาติซาอุฯ ไม่เฉพาะหูหนวกอย่างเดียว เขาจมูกหนวกด้วย เป็นอันหมดสิทธิ์สำหรับเครื่อเตือนภัยวาซาบิ เป็นเรื่องจริง เขามักจะโดนให้ใช้งานทำความสะอาดที่มีกลิ่นเหม็นมาก เช่น กลิ่นอ้วก หรือแม้กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรค ใครๆก็สุดจะทน ทนไม่ไหวจริงๆ เพื่อนเขาคนนี้สบายมากสำหรับคนจมูกหนวก เขาเกิดมาพร้อมกับหูหนวกอยู่แล้ว ไม่ใช่เป็นเพราะเขาเป็นหวัดหรอกนะ ฮา



เครื่องมือสื่อสาร เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนหูหนวกอย่างมาก ไว้ใช้ติดต่อกับผู้คน โทรศัพท์โน๊ตบุค เป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่ได้รับการพัฒนา ซึ่งใช้เหมือนกับโทรศัพท์บ้าน คือใช้เบอร์บ้านนี่แหละ ในการติดต่อ สะดวกดี

ขอขอบคุณ พี่อ้อม สวีเดน นำข่าว

12 กุมภาพันธ์ 2553

ขอเล่าข่าว

มีเว็บหนึ่งน่าสนใจดี www.deafread.com ผู้เขียนเพิ่งจะมาเปิดอ่าน เพิ่งจะรู้ว่างานนี้เป็นงานอดิเรกหนึ่งของผู้เขียนเอง (เพิ่งจะรู้นะเนี่ย) คืออ่านแล้วชอบความคิด (Idea)ของเขาที่จัดรวบรวมข่าวหูหนวกจากเว็บทั่วโลก มีให้เลือกอ่านได้ตามใจชอบ ลองคลิกอ่านดูนะครับ ได้ฝึกภาษาไปด้วย

มีเว็บดีๆ มากมายในโลกที่เกี่ยวกับคนหูหนวก ได้ออกมาแสดงศักยภาพคนหูหนวกให้ชมกัน เช่น เว็บบล็อกคนหูหนวกญี่ปุ่น http://deafjapan.blogspot.com ลองคลิกเข้าไปชมอ่านได้นะครับ คล้ายๆกับบล็อกนี้เลย แต่ของเขาอินเตอร์กว่า :]

มีเว็บไซต์วีดีโออื่นมาแนะนำให้ชมกัน พัฒนาโดยฝีมือคนหูหนวก

http://www.zoom.coip.no/


http://www.ur.se/Mediespelaren/Start/Barn/Krokodill2/Krokodill/


ใครมีฝีมือ มีไอเดียเจ๋งๆ พัฒนาเว็บไซต์หูหนวกไทย หรือวีดีทัศน์ ก็มาแชร์กัน ไม่ว่าจะเป็นสื่อใดๆ ก็ตาม ก็สามารถเปลี่ยนแปลงทัศนคติที่ดีต่อคนพิการ ร่วมกันสร้างสื่อเพื่อสร้างสรรค์ โดยยึดจุดยืน คือความเท่าเทียมของสิทธิมนุษยชน

04 กุมภาพันธ์ 2553

หนุนคนพิการเรียนฟรีถึงป.ตรี และเปิดหลักสูตรล่ามภาษามือ รุ่นแรกปี 53


ทำเนียบรัฐบาล : คนพิการเฮรัฐหนุนเรียนฟรีถึงปริญญาตรีโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายทั้งสถาบันของรัฐและเอกชน คาดรุ่นแรกเข้าเรียนได้ในปีการศึกษา 2553 พร้อมเปิดหลักสูตรล่ามภาษามือเป็นครั้งแรกสำหรับคนทั่วไป

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ยกร่างระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการว่าด้วยการจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาสำหรับคนพิการ ซึ่งเป็นการดำเนินการครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่จะกำหนดหลักเกณฑ์ชัดเจนเพื่อให้คนพิการทั่วประเทศได้เรียนฟรีจนถึงระดับปริญญา โดยจะระบุให้มหาวิทยาลัยทุกแห่งทั้งรัฐและเอกชนต้องรับเด็กพิการเข้าเรียนในระดับปริญญาโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย

ทั้งนี้ เป็นอำนาจของสภามหาวิทยาลัยที่จะจัดทำแผนและกำหนดแนวทางการรับนักศึกษาพิการ โดยจะต้องคำนึงถึงความหลากหลายของความพิการและกำหนดจำนวนรับต่อปี โดยแผนการรับนักศึกษาดังกล่าวต้องเสร็จสิ้นภายใน 120 วันก่อนเปิดภาคเรียนในทุกปีการศึกษา สำหรับงบประมาณสนับสนุนให้มหาวิทยาลัยทำเรื่องขอเบิกจากสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) แต่หากงบไม่พอสามารถขออนุมัติเพิ่มเติมจากกองทุนส่งเสริมการศึกษาคนพิการ ที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ดูแลอยู่

“หลังจากคณะทำงานได้ยกร่างระเบียบดังกล่าวและนำเสนอรัฐมนตรีศึกษาธิการลงนามแล้วจะมีผลบังคับในทางปฏิบัติทันที โดยมหาวิทยาลัยต้องไปจัดทำเกณฑ์การรับนักศึกษาพิการเข้าไปเรียนในระดับปริญญาตรีฟรี คาดว่าภายในปีการศึกษา 2553 จะสามารถรับนักศึกษาพิการเข้าเรียนฟรีในรุ่นแรกได้” นายจุรินทร์กล่าว

นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้รับทราบการจัดทำหลักสูตรการเรียนล่ามภาษามือเป็นครั้งแรกของประเทศ ซึ่งประกอบด้วย 3 ส่วนคือ หลักสูตรการเรียนล่ามภาษามือขั้นพื้นฐาน ภาษามือเพื่อการสื่อสารกับคนหูตึง และหลักสูตรการปฏิบัติจริง ใช้เวลาเรียนหลักสูตรละ 1 สัปดาห์ โดยผู้ที่มีสิทธิเข้าเรียนคือคนปรกติทั่วไปและคนหูตึงแต่สื่อสารด้วยวาจาได้และอยู่ในเกณฑ์ที่เรียนได้

นายจุรินทร์กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ที่ประชุมเห็นชอบเรื่องการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่ 2 ระหว่างปี 2552-2556 ที่มุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพการศึกษา การขยายโอกาส และการแสวงหาการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน โดยในเรื่องคุณภาพจะเน้นสร้าง 4 ยุคใหม่คือ คนไทยยุคใหม่ ครูยุคใหม่ แห่งเรียนรู้ยุคใหม่ และสถานศึกษายุคใหม่ พร้อมตั้งสถาบันคุรุศึกษาเพื่อผลิตและกำหนดมาตรฐานครู ตั้งสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพเพื่อกำหนดเกณฑ์ในการชี้วัดสถานะในการปฏิบัติงานจริงของผู้จบการศึกษาว่าอยู่ในระดับใด เพื่อจะได้รับค่าตอบแทนตามคุณวุฒิวิชาชีพนั้น

นักวิทย์ยุ่นคิด กริ่งเตือนไฟไหม้ กลิ่นวาซาบิ.....ช่วยคนหูหนวก




สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ ๓ ก.พ. ๒๕๕๓ ว่า นักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่น คิดประดิษฐ์นวัตกรรมใหม่สำหรับเครื่องตรวจจับควัน หรือสัญญาณเตือนไฟไหม้ ให้สามารถช่วยเหลือชีวิตได้มากยิ่งขึ้น โดยเป้าประสงค์อยู่ที่ผู้สูงวัย ซึ่งความสามารถในการฟังเสียงสัญญาณเตือนอาจลดน้อยกว่าคนวัยหนุ่มสาว รวมถึงสำหรับผู้พิการด้านการฟัง หรือ คนหูหนวกด้วยเช่นกัน โดยมาโกโตะ อิมอาอิ ผู้ช่วยศาสตรจารย์จากมหาวิทยาลัยการแพทย์ชิงะ ของประเทศญี่ปุ่นเผยว่า จำนวนเหยื่อผู้ประสบภัยเพลิงไหม้ กว่า ๕๐ เปอร์เซ็นต์เป็นผู้สูงวัย และผู้พิการด้านการฟัง จึงประดิษฐ์สัญญาณเตือนภัยที่มีทั้งเสียงและกลิ่น ซึ่งกลิ่นที่จะใช้สำหรับเตือนภัยนั้น คือกลิ่นของวาซาบิ ซึ่งความฉุนของมัน อาจช่วยให้ไหวตัวทันต่อสถานการณ์ สำหรับสิ่งประดิษฐ์ใหม่ดังกล่าว คาดว่าจะสามารถวางจำหน่ายในอีก ๒ ปีข้างหน้าส่วนราคาอาจอยู่ที่ ๓๕๐ ปอนด์ (ราว ๑๘,๕๐๐ บาท) (ไทยรัฐออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย ๔ ก.พ. ๒๕๕๓ )

เครือข่ายคนหูหนวก

สวัสดีครับท่านผู้อ่าน ผม Bkom จะนำเรื่องเล่ามาสู่กันฟังครับ

ยุคนี้เป็นยุคของการยกระดับสิทธิมนุษยชน ได้มีการเรียกร้องให้มีการปฏิบัติโดยเท่าเทียมกันในสังคม โดยได้มีการพัฒนามุมมองจากคนพิการส่วนบุคคล โดยแก้ไขความพิการ ให้หายขาดด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง เช่น เครื่องช่วยฟัง ประสาทหูเทียม ในบางครั้งก็ไม่ตรงกับความต้องการของคนพิการ จึงได้มีการเปลี่ยนมุมมอง ด้วยการพัฒนาการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข โดยเริ่มจาก ครอบครัว หมู่บ้าน ไปสู่สังคมใหญ่ในที่สุด ด้วยความพยายามสร้างชุมชนให้เข้มแข็ง โดยเฉพาะชุมชนคนพิการที่อยู่ร่วมกับคนทั่วไป และการเข้าถึงได้ (Accessibility)ในทุกด้าน เช่น ข้อมูลข่าวสาร การเดินทาง เป็นต้น

ในขณะนี้ได้มีกลุ่มคนพิการหลายๆกลุ่มได้พยายามสร้างองค์กรของตัวเอง สร้างเครือข่าย ระดับชาติและ ระดับโลก เพื่อพัฒนาศักยภาพของตนให้ดีขึ้น การดำเนินการของกลุ่มคนหูหนวกหลายๆ องค์กรได้จัดประชุมขึ้น เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และสร้างเครือข่ายให้เข้มแข็ง เช่นเรื่องดังต่อไปนี้

ในประเทศแถบสแกนดิเนเวีย ยุโรปภาคเหนือ ประกอบด้วย เดนมาร์ก ฟินแลนด์ ไอซ์แลนด์ นอร์เวย์ และสวีเดน และดินแดนปกครองตนเองในสังกัดประเทศเหล่านั้นสามแห่ง ได้แก่ กรีนแลนด์ (เดนมาร์ก) หมู่เกาะแฟโร (เดนมาร์ก) และหมู่เกาะโอลันด์ (ฟินแลนด์)(อ้างอิงจาก วิกีพีเดีย)ได้จัด the Nordic Cultural Festival for Deaf เชิญคลิกและติดตามข่าวได้ที่

http://www.dovkulturfestival2010.se/1001?lang=en


ถ้าเป็นบ้านเรา ระดับ อาเซียน 11 ประเทศ ก็เคยจัดกิจกรรมค่ายเยาวชนพัฒนาความเป็นผู้นำคนหูหนวกมาแล้ว 3 ประเทศ เช่นประเทศมาเลย์เซีย อินโดนีเซีย และสิงค์โปร์ (ถ้าจัดเรียงลำดับไม่ถูกต้อง ขออภัยด้วย)และประเทศไทย จักได้พยายามจัดในปีนี้ 2010 โดยประมาณตุลาคม ก่อน ชลบุรีเกมส์ ครั้งที่ 29 เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่จะพัฒนาความสัมพันธ์เครือข่ายสมาชิกคนหูหนวกประเทศ ด้วยกิจกรรมค่ายเยาวชน ระดับประเทศในอาเซียน





มาต่อข่าวแถบระดับเอเชียบ้าง The Deaf Dialouge ได้จัดตั้งขึ้นโดย the Chinese University of Hong Kong และ เลขานุการภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก WFD (the World Federation of the Deaf) เพื่อสร้างเครือข่าย แลกเปลี่ยนความรู้ พัฒนาการศักยภาพผู้นำ ในแถบเอเชียนี้ ซึ่งได้สปอนเซอร์สำคัญ จาก The Nippon Foundation of Japan ได้จัดขึ้นที่ ฮ่องกง เมื่อวันที่ 27-30 ธ.ค. 2552ไปแล้ว เชิญคลิกติดตามข่าวการเคลื่อนไหวได้ทื่

http://www.deaf-dialogue.net/