09 มิถุนายน 2553

คนหูหนวกร่วมคนพิการ ประท้วงสลาก



08 มิถุนายน 2553 เวลา 19:11 น.
"เป็นปฏิบัติการขอคืนพื้นที่ทำเนียบรัฐบาลภายในเวลารวดเร็วโดยที่ศอฉ.ไม่ต้องสั่งใช้กำลังทหาร จากนี้เหลือแต่การเยียวยา จิตใจและสร้างความเป็นธรรมตามข้อเรียกร้อง"

โดย...ทีมข่าวการเมือง

เหตุการณ์บ้านเมืองกลับคืนสู่ความสงบ หลังการบังคับใช้กฎหมายภายใต้การบริหารบ้านเมืองของรัฐบาลอภิสิทธิ์ ยังคงมีความศักดิ์สิทธิ์ อยู่เหนือกฎหมู่ การกระชับพื้นที่ได้ผล กลุ่มคนเสื้อแดงยุติการชุมนุม ขณะที่แกนนำเข้ามอบตัว เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

ความตรึงเครียดของบ้านเมืองผ่อนคลายลง

แต่ทว่า เช้าวันนี้ ความชุลมุนมาเยือนทำเนียบฯ เมื่อกลุ่มสมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย ประมาณ 200 คน นำโดยสมชาย ปัญญาวงศ์ นายกสมาคมคนตาบอด เดินทางมาชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาล บริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ เพื่อเรียกร้องขอพบตัวแทนรัฐบาลและให้มีการจัดสรรโควตาสลากการกุศลใหม่


นับเป็นผู้ชุมนุมกลุ่มแรก ที่ประเดิมต้อนรับรัฐบาล ถึงหน้าทำเนียบฯ ตั้งแต่สถานการณ์ความรุนแรงทางการเมืองสงบ ที่แน่ๆ พวกเขาไม่มีชุดดำ ไม่มีการ์ดเป็นการถาวร มีแต่ไม้เท้า รถเข็น และภาษามือ คอยอำนวยความสะดวก ต่อการสื่อสารเรียกร้องรัฐบาล

กองกำลังติดภาษามือ เคยมาเรียกร้องความต้องการของวกเขาแล้วหลายครั้ง จนกระทั่งล่าสุด เลขานุการของประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง ประสานงานให้ไปพบที่กระทรวงการคลังเพื่อเจรจา เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ที่ผ่านมา แต่เมื่อไปถึงแล้วกลับไม่มีรัฐมนตรี เลขานุการ หรือ ปลัดกระทรวง เข้าร่วมหารือเลยมีเพียงตัวแทนระดับผู้อำนวยการ เท่านั้น ผู้พิการเหล่านี้จึงรู้สึกว่าถูกหลอกและวันนี้จึงมาเพื่อขอพบกับรัฐมนตรีประดิษฐ์

ความวุ่นวายพัฒนาขึ้นตามลำดับ

เวลา 11.45น. ยังไม่มีตัวแทนของรัฐบาลออกมารับเรื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมแต่อย่างใด จนกระทั่งเวลาประมาณ 12.30 ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมเกิดความไม่พอใจ มีการจัดทัพให้คนหูหนวกที่สายตาดีอยู่แถวหน้า ขณะที่ผู้พิการทางตาแตะไหล่เกาะกลุ่มอยู่แถวหลัง

การผลักดันประตูรั้วบริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชฐเกิดขึ้น สามารถเคลื่อนเข้ามาอยู่บน ถ.นครปฐม หน้าประตู 1 ของทำเนียบรัฐบาล พร้อมกับเรียกร้องขอพบประดิษฐ์ ซึ่งขณะนั้น รมต.ประดิษฐ์ได้เดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาลแล้ว จึงได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบช.น.1 เข้ามาเจรจา ขอให้ผู้ชุมนุมออกไปอยู่บริเวณเดิม

แต่ไม่เป็นผล

พล.ต.ต.วิชัย จึงประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงว่า ขณะนี้ผู้ชุมนุมกำลังทำผิด พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และบุกรุกเข้ามาในสถานที่ต้องห้าม จึงขอให้ถอนกลับไปอยู่ที่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ และให้กำลังตำรวจประมาณ 2 กองร้อยเข้ามารักษาความปลอดภัย และเคลื่อนรถขังผู้ต้องหาเข้ามาใกล้ สร้างความไม่พอใจให้ผู้ชุมนุมและตะโกนด่าทอเจ้าหน้าที่


อย่างไรก็ตามขณะนั้น สมชายผู้เป็นแกนนำ ได้ไปยืนอยู่ที่ริมคลองเปรมประชากร และประกาศว่าหาก เจ้าหน้าที่ตำรวจทำอะไรก็จะกระโดดน้ำฆ่าตัวตายทันที

ต่อมา นายประดิษฐ์ ได้โทรศัพท์ ประสานเข้ามาขอคุยกับนายสมชายเพื่อขอให้ไปพบที่ กระทรวงการคลัง แต่ผู้ชุมนุมไม่ยอม และระบุว่า “ พวกเขาเป็นคนพิการทำไมนายประดิษฐ์ที่เป็นรัฐมนตรีมีกระทั่งรถนำ ไม่มาหาพวกเขาที่นี่ แต่ถ้าไม่สะดวกก็ให้ใครออกมาพบก็ได้ ให้นายศิริโชค โสภา ส.ส. สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ คนสนิทนายกฯมาพบก็ได้ แต่ในที่สุดก็ไม่มีใครออกมาเจรจา จากนั้น พล.ต.ต.วิชัยก็ประกาศว่า เมื่อรัฐบาลเปิดโอกาสให้ไปเจรจาที่กระทรวงการคลัง แต่ผู้ชุมนุมไม่ยอมก็จำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมาย และขอให้ผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่ซึ่ง ก็ทีผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งยอมออกไป แต่อีกจำนวนหนึ่งก็ยังอยู่

จากนั้นพล.ต.ต.วิชัย จึงตัดสินใจให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าไปจับกุมแกนนำที่อยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม ทำให้นายสมชายตัดสินใจกระโดดน้ำทันที แต่เนื่องด้วยน้ำในคลอง ไม่ลึกและมีผู้กระโดดตามไปทำให้นายสมชายไม่ได้รับอันตราย และในขณะนั้นเองเจ้าหน้าที่ก็ได้ควบคุมแกนนำ และผู้ที่ขัดขวางการจับกุม ท่ามกลางการด่าทอและความชุลมุน ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องขังทั้งที่พิการและไม่พิการกว่า 20 คน

หลังจากจับกุมแกนนำ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เริ่มผลักดันผู้ชุมนุมที่เหลือจำนวนไม่มากให้กลับไป อยู่ที่เชิงสะพานชมัยมนุเชฐ และบอกให้ผู้ชุมนุมแยกย้ายกันไปเจรจากับ รัฐมนตรีที่กระทรวงการคลัง แต่หากไม่ไปเจ้าหน้าที่ก็ต้องดำเนินการจับกุมเนื่องจากกระทำผิด พ.ร.ก. ฉุกเฉิน และ กีดขวางการจราจร โดยจะใช้เจ้าหน้าที่สามคนต่อผู้ชุมนุมหนึ่งคน และจะเริ่มจับกุมจากผู้ชาย ก่อน

ระหว่างนั้นเองเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ายึดรถกระบะที่นำมาจอดเพื่อเป็นรถอำนวยการไว้ ทำให้ผู้ชุมนุมต้องแยกย้ายกันกลับไป ส่วนนายสมชายนั้นได้ขึ้นฝั่งที่คลองอีกด้านหนึ่ง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ตามไปคุมตัวไว้ได้ ก่อนที่จะนำไปควบคุมตัวที่ สน.ดุสิต ต่อไป หลังจากนั้นเหตุการณ์หน้าทำเนียบจึงเข้าสู่ภาวะปกติในเวลาประมาณ 14.45 น.

ถือเป็นปฏิบัติการขอคืนพื้นที่ทำเนียบรัฐบาลภายในเวลารวดเร็ว โดยที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) ไม่ต้องสั่งใช้กำลังทหาร จากนี้เหลือแต่การเยียวยาจิตใจและสร้างความเป็นธรรมตามข้อเรียกร้อง ซึ่งไม่รู้ว่าจะดำเนินการได้ผลขนาดไหน เพราะดันเปิดปฏิบัติการขอกระชับพื้นที่กับคนพิการซะขนาดนี้

ไม่มีความคิดเห็น: