07 ตุลาคม 2552

โทมัส เอดิสัน นักประดิษฐ์หูหนวก ผู้ไม่เคยยอมแพ้


“ความล้มเหลวหลายๆ อย่างในชีวิต เป็นเพราะคนเราไม่ตระหนักว่า พวกเขาอยู่ใกล้ความสำเร็จแค่ไหน ตอนที่เขายอมแพ้” สำหรับน้องๆที่เรียนวิชาวิทยาศาสตร์กันมาก่อน คงคุ้นเคยกับชื่อนี้เป็นอย่างดีนะครับ เพราะว่าเขาเป็นนักประดิษฐ์ผู้ที่มอบแสงสว่างให้กับโลกในช่วงค่ำคืน เอดิสันมีผลงานการประดิษฐ์มากมายนะครับ ไม่ว่าจะเป็นหลอดไฟ หีบเสียง หรือเครื่องบันทึกเสียง โดยมีสิ่งประดิษฐ์ที่จดลิขสิทธ์กว่า 1,200รายการ อีกทั้งยังได้รับการยกย่องจากนิตยสารไลฟ์ว่าเป็น1ใน100คน ที่สำคัญที่สุดในช่วง1,000ปี ที่ผ่านมา

ภาพความสำเร็จที่เราเห็นกันอยู่ในทุกวันนี้ก็ดูสวยงามและดูมีความสุขดีนะครับ แต่จะมีใครทราบบ้างไหมครับว่าเบื้องหลังความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของเขามีความเป็นมาอย่างไร วัยเด็ก
เอดิสันเคยถูกให้ออกจากโรงเรียนเนื่องจากว่าเขาไม่สามารถเรียนวิชาคณิตศาสตร์ได้ ครอบครัวของเขาจึงต้องนำเอดิสันไปเลี้ยงดูเองและปล่อยให้เขาได้เรียนรู้ด้วยตนเอง ในช่วงอายุ12ปีเขาทำงานเป็นเด็กเดินข่าวของรถไฟ ครั้งหนึ่งเอดิสันทดลองเคมีทำให้เกิดเสียงระเบิดไฟไหม้ จนเขากลายเป็นคนหูหนวก โดยสาเหตุของการหูหนวกก็ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเกิดจากอะไร
บางแห่งก็ว่าเขาถูกตบแก้วหูทำให้แก้วหูหนวกและอื้อ บางแห่งว่าเกิดเสียงระเบิดสนั่นทำให้เอดิสันกลายเป็นคนหูหนวก แต่ตามที่เอดิสันแถลง เขากล่าวว่า การที่เขาหูพิการเกิดจากเขาลื่นไถลลงไปใต้ท้องรถไฟจนเกือบจะถูกล้อทับ ได้มีคนช่วยเหลือเขาไว้โดยจับหูเขาดึงขึ้นมาบนรถ
ข้อคิด มีนักข่าวคนหนึ่งเคยถามเอดิสันว่า กว่าที่จะสามารถผลิตหลอดไฟได้ ต้องใช้ความพยายามลองผิดลองถูกกว่า 700 ครั้ง คุณไม่รู้สึกท้อและล้มเหลวบ้างหรือครับ เอดิสันกล่าวว่า ไม่ครับ ผมไม่รู้สึกท้อแท้และล้มเหลว เพราะผมได้เรียนรู้แล้วว่า การทดลองกว่า700ครั้งนั้นผิดพลาดเพราะอะไร และก็รู้ว่ามี700วิธีที่ไม่ใช่ ผมก็แค่หาวิธีผลิตหลอดไฟต่อจากนั้นเองครับ
เห็นไหมครับว่าเอดิสันล้มเหลวกว่า 1,000 ครั้ง เขาก็ยังลุกขึ้นสู่ต่อโดยไม่ยอมแพ้ และยังได้เรียนรู้จากความผิดพลาดอีกด้วยนะครับ แล้วน้องๆล่ะครับเคยตั้งใจอยากจะทำสิ่งใดบ้างไหมครับ แล้วเวลาที่เราทำไม่สำเร็จ เราทำอย่างไรครับ ยอมรับว่าเราทำไม่ได้หรือเรียนรู้จากความผิดพลาดครับ
ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ไม่ได้เกิดขึ้นในชั้วข้ามคืนนะครับ และพี่ก็เชื่อว่ามีหลายครั้งทีเราเลือกจะยอมแพ้ก่อนที่จะถึงเส้นชัย ซึ่งบางที่เส้นชัยนั้นก็อยู่ต่อหน้าเราแล้ว ลองตั้งใจเดินตามความฝันและเป้าหมายต่อไปนะครับ แล้วน้องๆจะรู้สึกดีใจและพูดอย่างภูมิใจกับตัวเองว่า ดีนะที่เราไม่ยอมแพ้

ไม่มีความคิดเห็น: