13 มกราคม 2555

เสียงบรรเลงในโลกเงียบ ของ 'น้องติ๊ก-ศิตาพร'


ไปงาน “ไทยแลนด์ แจ๊ส คอมเพติชั่น ครั้งที่ ๕” รอบชิงชนะเลิศ และยังพ่วงงานเลี้ยงปีใหม่ให้กับน้อง ๆ ผู้บกพร่องทางการได้ยิน ที่มีคอนเซปต์เก๋ ๆ ว่า “แม้พวกเขาจะไม่ได้ยินเสียง แต่พวกเขาสามารถเล่นดนตรี และสร้างความสุขให้กับผู้อื่นได้” ซึ่งจัดโดยบริษัท พรูเดนเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และที่นี่เราได้พบกับ “น้องติ๊ก-ศิตาพร พิภพวรไชย” นักเปียโนหญิงที่บกพร่องทางการได้ยิน พอได้ฟังน้องเล่นเปียโนทั้งเพลงพระราชนิพนธ์และอีกหลายเพลง ถึงกับอึ้ง ขนาดคนปกติยังเล่นยาก เพราะต้องอาศัยทั้งจังหวะ ทำนอง สมาธิ บวกกับความฝึกฝน ทั้งที่น้องติ๊กไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย แต่กลับเล่นดนตรีออกมาได้อย่างไพเราะ

เราจึงไม่พลาดที่จะจับน้องติ๊กมานั่งคุยกันแบบตัวเป็น ๆ โดยผ่านทั้งการเขียน และการแปลภาษามือจากเจ้าหน้าที่สมาคมคนหูหนวกแห่งประเทศไทย รวมไปถึงการคุยผ่านเฟซบุ๊ก สังคมออนไลน์ซี่งกำลังเป็นที่นิยมของวัยรุ่นยุคนี้ น้องติ๊กเริ่มเรียนเปียโนกับอาจารย์ตรีรัตน์ อุปถัมภ์โพธิวัฒน์ ที่ปรึกษาโครงการดนตรีบำบัดด้านเปียโน กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่เรียนอยู่ชั้น ม.๔ จนถึงปัจจุบัน

ขณะที่คุณพ่อชัยเวทย์ พิภพวรไชย บอกว่า น้องติ๊กเกือบจะไม่ได้เป็นนักเปียโนที่พิเศษอย่างเช่นปัจจุบัน เพราะคุณพ่อไม่เชื่อว่า “คนที่ไม่ได้ยินเสียงจะเล่นดนตรีได้” แต่เพราะความสมัครใจและมั่นใจของน้องติ๊กที่ต้องการ “ลองเล่น” ทำให้คุณพ่อตัดสินใจที่จะให้น้องไปเรียนเปียโนตามที่อาจารย์ตรีรัตน์ร้องขอ

น้องติ๊กเล่าผ่านภาษามือว่า วิธีการเรียนการสอนจะเริ่มจาก อาจารย์จะใช้ตัวเลขแทนคีย์และโน้ตดนตรีแต่ละตัวให้น้องท่องจำ ดังนั้นโน้ตดนตรีของน้องติ๊กจึงไม่เหมือนโน้ตคนปกติ คือ จะต้องแปลงเป็นตัวเลขก่อน ตอนแรก ๆ ก็หงุดหงิดมากที่เล่นไม่ได้ และไม่ได้ยินเสียงด้วย แต่ก็ไม่ท้อค่ะ พยายามคิดว่าตัวเองต้องทำให้ได้ พอเล่นไปเรื่อย ๆ คือทำให้เรามีสมาธิมากขึ้น ทำให้เรานิ่งขึ้นก็เลยชอบ และที่สำคัญคือ เราอยากทำให้คนอื่นเห็นว่าแม้เราจะ ไม่ปกติเหมือนคนอื่น แต่เราก็สามารถทำทุกอย่างเหมือนคนอื่นได้ ตอนนี้ติ๊กกำลังเรียนอ่านโน้ตดนตรีสากลอยู่ค่ะ แม้จะยังทำได้ไม่ดีนักแต่ก็จะพยายาม ต่อไปติ๊กจะสามารถอ่านโน้ตปกติได้เหมือนคน อื่นค่ะ”

แม้น้องติ๊กจะไม่เคยได้สัมผัสเสียงอันเกิดจากสิบปลายนิ้วของตนเองที่พรมลงบนคีย์เปียโน ว่าเพราะพริ้งเพียงใด แต่รอยยิ้มและภาพการปรบมือของผู้คนในทุกครั้งที่น้องติ๊กบรรเลงจบ สร้างอารมณ์และความรู้สึก “ปลื้มใจ” และ “ภาคภูมิใจ” ให้เธอได้ทุกครั้ง

น้องติ๊กพิการทางการได้ยินมาแต่กำเนิด และเริ่มเรียนหนังสือในโรงเรียนเศรษฐเสถียร ปัจจุบันเรียนจบระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ขณะที่เรียนในระดับอุดมศึกษาได้เรียนร่วมกับคนปกติ จึงจำเป็นต้องใช้ความพยายามมากกว่าคนอื่น เพื่อจะเรียนตามเพื่อน ๆ ให้ทัน ในบางครั้งไม่เข้าใจในบทเรียน อย่างเช่น ศัพท์เฉพาะ ซึ่งก็ได้เพื่อน ๆ และอาจารย์ช่วยเหลืออย่างดี

ในวัยเด็กแม้จะเคยน้อยใจและมีปมด้อยในความไม่ปกติของตนเอง แต่น้องติ๊กก็แปรเปลี่ยนความน้อยใจมาเป็นแรงผลักดันและเป็นปมเด่นที่จะทำทุกอย่างให้ได้เหมือนคนอื่น ๆ เพราะความมุ่งมั่นและหลายคนเห็นความสามารถ ทำให้น้องติ๊กถูกเชิญไปเล่นเปียโนในงานสำคัญ ๆ ออกรายการโทรทัศน์หลายครั้ง หรือแม้แต่เล่นเปียโนกับนักดนตรีมืออาชีพ อย่าง โก้ มิสเตอร์แซ็กแมน เธอก็เคย มาแล้ว

น้องติ๊กวาดฝันในอนาคตว่าอยากจะเรียนต่อในระดับปริญญาโท รวมไปถึงการมีหนังสือถ่ายภาพและท่องเที่ยวเป็นของตัวเอง โดยเธอบอกว่าต้องการถ่ายทอดเรื่องราวโดยเฉพาะธรรมชาติสวย ๆ ทั่วเมืองไทยออกมาเป็นภาพถ่ายในรูปแบบของเธอเอง

อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นความหวังของน้องติ๊กก็คือ อยากจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้พิการคนอื่น ๆ ให้ลุกขึ้นสู้ชีวิต ถึงแม้จะมีอุปสรรคบ้าง แต่ต้องมีความพยายามและไม่ย่อท้อ เหมือนกับ น้องติ๊ก-ศิตาพร ที่ก้าวข้ามอุปสรรคความพิการของร่างกาย จนกลายเป็นนักเปียโนทั้งที่บกพร่องทางการได้ยิน แม้แต่คนปกติยังต้องยกนิ้วให้....!!! (เดลินิวส์ออนไลน์ /มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย ๑๗ ม.ค. ๒๕๕๓)

โดย มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย - 19 ม.ค. 53

ไม่มีความคิดเห็น: